วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คุณค่าของสุภาษิตพระร่วง

๑. คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ 
      สุภาษิตพระร่วง เป็นสุภาษิตที่มีความไพเราะ เพราะมีสัมผัสคล้องระหว่างวรรค ภายในวรรคมีการเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ เสียง สัมผัสสระและการเล่นคำ 
 - ความไพเราะเกิดจากการสัมผัสระหว่างวรรคทุกวรรค  เช่น
              ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง                      สร้างกุศลอย่ารู้โรย           อย่าโดยคำคนพลอด           เข็นเรือทอดกลางถนน  
              คำที่สัมผัสกัน  ได้แก่  ร้าง - สร้าง,  โรย - โดย,  พลอด  - ทอด
           - ความไพเราะที่เกิดจากเสียงสัมผัสพยัญชนะภายในวรรค
              เช่น       เผ้าแผ่นภพสุโขทัย        เข็นเรือทอดทางถนน       ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ 
           -  ความไพเราะที่เกิดจากการเล่นซ้ำคำ  เช่น
              ปางมีชอบท่านช่วย                      ปางป่วยท่านชิงชัง
              อย่ารักเหากว่าผม อย่ารักลมกว่าน้ำ  อย่ารักถ้ำกว่าเรือน         อย่ารักเดือนกว่าตะวัน 
๒.  คุณค่าด้านสังคม
           เป็นวรรณกรรมเรื่องแรกของไทย    ทำหน้าที่ปลูกฝังจริยธรรมให้แก่คนในสังคม  สะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมไทย    (หลายชนชั้นอยู่รวมกัน - พระมหากษัตริย์ ขุนนาง ประชาชน)  นอกจากนี้ยังมีการเคารพผู้อาวุโส  ครูอาจารย์  สอนให้คนไม่ทำร้ายกัน  ช่วยเหลือกัน อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข

สำนวนภาษาในสุภาษิตพระร่วง

 คำที่ใช้ในสุภาษิตพระร่วงส่วนใหญ่เป็นคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่กินความมาก  บางคำเป็นคำเดี่ยวใช้ได้ตามลำพัง  แต่ปัจจุบันมักใช้ซ้อนกับคำอื่นๆ  เช่น  คำว่า  มั่ง  ในความหมายว่า  มีสินอย่าอวดมั่ง  ในที่นี้มีความหมายว่า มี แปลว่า ร่ำรวย  ปัจจุบัน  ใช้ว่า  มั่งมี 
-  ลักษณะคำสอนในสุภาษิตพระร่วงมักใช้เป็นคำห้ามทำมากที่สุด
            เช่น  “อย่าขุดคนด้วยปาก              อย่าถากคนด้วยตา”  
-  ลักษณะคำสั่ง 
            เช่น   “ผิจะจับจับจงมั่น  ผิจะคั้นคั้นจงตาย”
-  คำแนะนำ 
            การใช้คำแบบนี้จะสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนส่วนใหญ่   คือ  ผู้ใหญ่มักห้ามลูกหลาน  เพราะความเป็นห่วงและมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า

เนื้อหาในสุภาษิตพระร่วง

  ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้าเผ้าแผ่นภพสุโขทัยมลักเห็นในอนาคต
 จึงผายพจนประภาษเป็นอนุสาสนกถาสอนคณานรชน
 ทั่วธราดลพึงเพียรเรียนอำรุงผดุงอาตม์          อย่าคลาคลาดคลาถ้อย
 เมื่อน้อยให้เรียนวิชาให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน
 อย่าริร่านแก่ความประกอบตามบูรพระบอบอย่าแต่ชอบเสียผิด
 อย่าประกอบกิจเป็นพาลอย่าอวดหาญแก่เพื่อนเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า 
 หน้าศึกอย่านอนใจไปเรือนท่านอย่านั่งนานการเรือนตนเร่งคิด
 อย่านั่งชิดผู้ใหญ่   อย่าใฝ่สูงให้เกินศักดิ์   ที่รักอย่าดูถูก
 ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้างสร้างกุศลอย่ารู้โรยอย่าโดยคำคนพลอด
 เข็นเรือทอดกลางถนนเป็นคนอย่าทำใหญ่ ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน
 คบขุนนางอย่าโหดโทษตนผิดรำพึงอย่าคะนึงถึงโทษท่าน
 หว่านพืชจักเอาผลเลี้ยงคนจักกินแรงอย่าขัดแข้งผู้ใหญ่
 อย่าใฝ่ตนให้เกินเดินทางอย่าเดินเปลี่ยวน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
 ที่สุ้มเสือจงประหยัดจงเร่งระมัดฟืนไฟตนเป็นไทอย่าคบทาส
 อย่าประมาทท่านผู้ดี มีสินอย่าอวดมั่งผู้เฒ่าสั่งจงจำความ
 ที่ขวากหนามอย่าเสียเกือกทำรั้วเรือกไว้กันตนคนรักอย่าวางใจ
 ที่มีภัยพึงหลีกปลีกตนไปโดยด่วนได้ส่วนอย่ามักมาก
 อย่ามีปากว่าคนรักตนกว่ารักทรัพย์   อย่าได้รับของเข็ญ
 เห็นงามตาอย่าปองของฝากท่านอย่ารับที่ทับจงมีไฟ
 ที่ไปจงมีเพื่อนที่แถวเถื่อนไคลคลา 
 ครูบาสอนอย่าโกรธโทษตนผิดพึงรู้ สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์
 ภักดีอย่าด่วนเคียดอย่าเบียดเสียดแก่มิตรที่ผิดชอบเตือนตอบ
 ที่ชอบช่วยยกยออย่าขอของรักมิตรชอบชิดมักจางจาก
 พบศัตรูปากปราศรัยความในอย่าไขเขา อย่ามัวเมาเนืองนิตย์
 คิดตรองตรึกทุกเมื่อ  พึงผันเผื่อต่อญาติ รู้ที่ขลาดที่หาญ
 คนพาลอย่าพาลผิดอย่าผูกมิตรไมตรี  เมื่อพาทีพึงตอบ
 จงนอบนบผู้ใหญ่  ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบสุวานขบอย่าขบตอบ
 อย่ากอปรจิตริษยาเจรจาตามคดี  อย่าปลุกผีกลางคลอง
 อย่าปองเรียนอาถรรพ์    พลันฉิบหายวายม้วยอย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิมิด
 จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสียลูกเมียอย่าวางใจ  ภายในอย่านำออก
 ภายนอกอย่านำเข้าอาสาเจ้าจนตัวตายอาสานายจงพอแรง
 ของแพงอย่ามักกินอย่ายินคำคนโลภโอบอ้อมเอาใจคน
 อย่ายลเหตุผลแต่ใกล้  ท่านไท้อย่าหมายโทษคนโหดให้เอ็นดู
 ยอครูยอต่อหน้ายอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมมิตรเมื่อลับหลัง
 ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญเยียวสะเทินจะอดสู  อย่าชังครูชังมิตร
 ผิดอย่าเอาเอาแต่ชอบนอบตนต่อผู้เฒ่า เข้าออกอย่าวางใจ
 ระวังระไวหน้าหลังเยียวผู้ชังจะคอยโทษ  อยากริ้วโกรธเนืองนิตย์
 ผิวผิดปลิดไป่ร้างข้างตนไว้อาวุธ เครื่องสรรพยุทธอย่าวางจิต
 คิดทุกข์ในสงสารอย่าทำการที่ผิดคิดขวนขวายที่ชอบ
 โต้ตอบอย่าเสียคำคนขำอย่าร่วมรัก พรรคพวกพึงทำนุก
 ปลุกเอาแรงทั่วตนยลเยี่ยงไก่นกกะทาพาลูกหลานมากิน
 ระบือระบิลอย่าฟังความการจะทำอย่าด่วนได้    อย่าใช้คนบังบด
 ทดแทนคุณท่านเมื่อยากฝากของรักจงพอใจเฝ้าท้าวไทอย่าทะนง
 ภักดีจงอย่าเกียจเจ้าเคียดอย่าเคียดตอบนอบนบใจบริสุทธิ์
 อย่าขุดคนด้วยปาก อย่าถากคนด้วยตา อย่าพาผิดด้วยหู
 อย่าเลียนครูเตือนด่า อย่าริกล่าวคำคดคนทรยศอย่าเชื่อ
 อย่าแผ่เผื่อความผิดอย่าผูกมิตรคนจรท่านสอนอย่าสอนตอบ
 ความชอบจำใส่ใจระวังระไวที่ไปมาเมตตาตอบต่อมิตร
 คิดแล้วจึงเจรจาอย่านินทาผู้อื่น  อย่าตื่นยกยอตน
 คนจนอย่าดูถูกปลูกไมตรีทั่วชนตระกูลตนจงคำนับ
 อย่าจับลิ้นแก่คน ท่านรักตนจงรักตอบท่านนอบตนจงนอบแทน
 ความแหนให้ประหยัดเผ่ากษัตริย์เพลิงงู  อย่าดูถูกว่าน้อย
 หิ่งห้อยอย่าแข่งไฟอย่าปองภัยต่อท้าวอย่ามักห้าวพลันแตก
 อย่าเข้าแบกงาช้าง  อย่าออกก้างขุนนาง ปางมีชอบท่านช่วย
 ปางป่วยท่านชิงชังผิจะบังบังจงลับผิจะจับจับจงมั่น
 ผิจะคั้นคั้นจงตาย ผิจะหมายหมายจงแท้ ผิจะแก้แก้จงกระจ่าง
 อย่ารักห่างกว่าชิดคิดข้างหน้าอย่าเบา อย่าถือเอาตื้นกว่าลึก
 เมื่อศึกเข้าระวังตนเป็นคนเรียนความรู้   จงยิ่งยิ่งผู้มียศ
 อย่ามักง่ายมิดี   อย่าตีงูให้แก่กา อย่าตีปลาหน้าไซ
 อย่าใจเบาจงหนักอย่าตีสนุขห้ามเห่าข้าเก่าร้ายอดเอา
 อย่ารักเหากว่าผมอย่ารักลมกว่าน้ำอย่ารักถ้ำกว่าเรือน
 อย่ารักเดือนกว่าตะวันสบสิ่งสรรพโอวาทผู้เป็นปราชญ์พึงสดับ
 ตรับตริตรองปฏิบัติ   โดยอรรถอันถ่องถ้วนแถลงเลศเหตุเลือกล้วน
 เลิศอ้างทางธรรม  แลนา  

คำประพันธ์ในสุภาษิตพระร่วง

ร่ายสุภาพ         ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า                 เผ้าแผ่นภพสุโขทัย          มลักเห็นในอนาคต                 จึงผายพจนประภาษ                            เป็นอนุสาสนกถา            สอนคณานรชน...
โคลงสองสุภาพ
                    โดยอรรถอันถ่องถ้วน                   แถลงเลศเหตุเลือกล้วน
          เลิศอ้างทางธรรม   แลนา

ความเป็นมา

 สุภาษิตพระร่วง   เป็นสุภาษิตคำสอนเก่าแก่ที่สุดของไทย  ที่ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร  เชื่อว่าเป็นวรรณคดีแต่งขึ้นในสมัยสุโขทัย          คำสอนบางบทในสุภาษิตพระร่วง   มีปรากฏอยู่ในวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น  เช่น   เรื่อง ลิลิตพระลอ ก่อนที่พระลอจะเดินทางไปเมืองพระเพื่อนพระแพง  พระนางบุญเหลือทรงสอนพระลอว่า          “ทีจะกันกันจงมั่น   ทีจะคั้นคั้นจงเป็นกล”  ซึ่งตรงกับคำสอนในสุภาษิตพระร่วงที่ว่า  “ผิจะจับจับจงมั่น        ผิจะคั้นคั้นจงตาย”
สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยคำประพันธ์ชนิด   ร่ายสุภาพ วรรคละ  ๔ -  ๘  คำ   และจบด้วยโคลงสองสุภาพ   เช่น  “หน้าศึกอย่านอนใจ”   “ที่สุ้มเสือจงประหยัด”   “ระบือระบิลอย่าฟังคำ”  “จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย” 

คำสอนในสุภาษิตพระร่วง

 สุภาษิตพระร่วงเกิดจากการรวบรวมคำสอนหรือสุภาษิตเก่าเข้าไว้ด้วยกัน  ร้อยเรียงให้สัมผัสคล้องจองกัน  โดยไม่มีการแบ่งเป็นหมวดหมู่  จึงเป็นคำสอนที่คละกันและมีหัวข้อคำสอนซ้ำกันหรือใกล้เคียงกัน กระจัดกระจายตามแต่ละส่วนของคำประพันธ์ 
เนื้อหาคำสอนอาจแบ่งได้ดังนี้
          ๑.    สอนให้เห็นความสำคัญของความรู้
  
                  เช่น   “เป็นคนเรียนความรู้”           “เมื่อน้อยให้เรียนวิชา       ให้หาสินเมื่อใหญ่” 
          ๒.   ให้ทำตามประเพณี  
                  เช่น      “ประพฤติตามบูรพระบอบ”  คือควรทำทุกอย่างตามประเพณีที่เคยถือปฏิบัติกันมาแต่อดีต 
          ๓.    ให้เห็นความสำคัญของญาติพี่น้อง  
                  เช่น  “อย่ารักห่างกว่าชิด”   มีความหมายว่า  ให้เห็นความสำคัญของญาติพี่น้องกัน  มากกว่าคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง     
                          “ทดแทนคุณท่านเมื่อยาก”  คือ  ให้เป็นคนกตัญญูรู้คุณ
๔.    ให้ทำสิ่งที่เหมาะแก่กาลเทศะ
  เช่น   “ยอครูยอต่อหน้า       ยอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง
                              ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญ     เยียวสะเทินจะอดสู”
                  หมายความว่า   การจะชมใครก็ให้เหมาะสมแก่โอกาส  คือ  กล่าวชมครูเมื่ออยู่ต่อหน้า  ควรชมบ่าวไพร่เมื่อทำงานแล้วเสร็จ     ควรชมเพื่อนลับหลัง   และไม่ควรชมลูกเมียที่ยังมีชีวิตอยู่  เพราะหากไม่ดีก็จะตลอดจะขายหน้าได้ 
          ๕.  ให้มองการณ์ไกล
                  เช่น  “อย่ายลเหตุแต่ใกล้”              หมายความว่า  อย่ามองแต่เรื่องเฉพาะหน้าเท่านั้น  
            “อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิมิด             จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย”   หมายความว่า  อย่าทะเลากับใครจนถึงแตกหัก เพราะจะสนิทกันเหมือนเดิมได้ยาก  เหมือนถ้วยกระเบื้องเมื่อแตกแล้วไม่สามารถต่อเหมือนเดิมได้    ควรผูกมิตรให้เหมือนสัมฤทธิ์ที่แตกแล้วยังเชื่อมต่อกันได้
          ๖.  ให้ระมัดระวังตน   อย่าหาเรื่องใส่ตัวหรืออย่าประมาท
                  เช่น   “เดินทางอย่าเปลี่ยว”   หมายความว่า   ไม่ควรเดินตามลำพัง  ควรมีเพื่อนไปด้วย   หากเกิดอันตรายจะได้มีคนช่วย  
                            “ที่สุ้มเสือจงประหยัด”   หมายความว่า  ต้องระวังตัวให้ดี     หากต้องเข้าไปในบริเวณที่มีสัตว์ร้าย
          ๗.   ให้มีใจหนักแน่น  ไม่เชื่อข่าวลือ  
                  เช่น   “ระบิลระบืออย่าฟังคำ”  
          ๘.   อย่าเสียอารมณ์เป็นประจำ     
                  เช่น   “อย่ากริ้วโกรธเนืองนิตย์”  

ความหมาย

 สุภาษิตแปลว่า   ถ้อยคำที่กล่าวดีแล้ว    ในบางครั้งเรียกว่า   “ภาษิต”  ซึ่งเป็นถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบทอดต่อกันมาช้านาน  เป็นคติสอนใจ     มักใช้คำสั้นๆ  แต่กินความมาก   และนิยมสอนแต่เรื่องดีๆ     เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิต  มีทั้งข้อแนะนำ  ข้อห้ามและที่เป็นคำสั่ง
          แต่เดิมผู้ใหญ่คงใช้สุภาษิตในการสั่งสอน อบรมลูกหลานในการดำเนินชีวิต   ให้ประสบความสำเร็จ  สุภาษิตอาจสอนตรงไปตรงมา  เช่น
                    -   มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
                    -   น้ำร้อนปลาเป็น  น้ำเย็นปลาตาย
 สุภาษิตพระร่วงอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  บัญญัติพระร่วง    ได้รับการจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  ราชวรมหาวิหาร
 สุภาษิตพระร่วง    ไม่ทราบนามผู้แต่งและช่วงเวลาที่แต่งแน่นอน  ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านสันนิษฐานว่าใครคือผู้แต่ง  เช่น 
          -  มีการรวบรวมสุภาษิตเรื่องนี้ขึ้น  ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเนื่องจากมีสำนวนภาษาใกล้เคียงกับศิลาจารึก
หลักที่ ๑  อาจใช้ผู้แต่งหลายคน 

-   พระยาลิไทยเป็นผู้แต่ง เนื่องจากเป็นช่วงที่เจริญถึงขีดสุดและไม่มีสงคราม  และพระยาลิไทยยังเชี่ยวชาญเรื่องคำสอนในศาสนาด้วย